วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

learning log inside classroom

If –clause



            ประโยคในภาษาอังกฤษมีด้วยกันคือประโยคความเดียว(simple sentenceประโยความรวม (compound sentence)ประโยความซ้อน(complex sentenceและประโยค compound complex ซึ่งประโยคต่างเหล่านี้แสดงให้เห็นโครงสร้างของประโยคที่มีกลุ่มคำ phraseและอนุประโยคซึ่งแบ่งต่างชนิดแตกต่างกัน มีอนุประโยคที่จะกล่าวถึงมีความซับซ้อนซึ่งแสดงให้เห็นการคล้อยตามหรือความเป็นเหตุเป็นผลคือ adverb conditionหรืออาจเรียกได้อีกว่าif- Clause
Adverb clause of conditionคือ clauseที่ใช้แสดงเงื่อนไขหรือเหตุการณ์ที่เป็นการสมมติของกริยาในประโยคหลักและ Adverb clause of condition โดยมี subordinate conjunctionนำหน้าประโยค Adverb clause of conditionได้แก่ if หมายถึงถ้า that หมาถึงนั่น unless หมายถึงถ้า...ไม่ that หมายถึงตราบเท่าที่ weatherหมาถึงถึงไม่ว่า และhad หมายถึงถ้า subordinate conjunctionมีความหมายแตกต่างกันตามประโยเงื่อนไข
Adverb clause ที่subordinate conjunctionเป็นส่วนประกอบเช่น if you come late, you will not meet meหมายถึงถ้าคุณมาช้าคุณจะไม่ได้เจอพวกเราสิ่งที่น่าสังเกตคือการวางประโยคหลักจะมี commaคั่นหน้าประโยคที่ตามหลังif-clause
If –clauseเงื่อนไขที่1 ใช้ในการสมมติหรืออธิบาเงื่อนไขที่เป็นไปได้ โดยมีโครงสร้างคือ if+ present simple tense, subject + will หรือ subject+ will..+ if +present simple tense เช่น If we don’t pay our worker well, it will be difficult to attract good  workers.หมายถึงถ้าเราไม่จ่ายค่าจ้างแก่ลูกจ้างดีๆ ยาที่จะดึงดูดลูกค้าฝีมือดีๆ
If –clauseเงื่อนไขที่2ใช้สมมติสิ่งที่เป็นความจริงแม้สิ่งนั้นจะเป็นจริงได้แต่ยังอีกยาวไกลหรือใช้เวลานาน โดยมีโครงสร้างคือ if + past simple tense, subject+ would..หรือ subject+ would..+คือ if + past simple tense หรืออาจจะใช้วิธีจำว่า มโน ตังอย่างเช่น If I have lost of money, I would travel round the worldหมายถึง ถ้าฉันมีเงินเป็นจำนวนมาก ฉันจะเดินทางไปรอบโลก ในเงื่อนไขที่2จะใช้ past continuous tense ( S +were,was+ v-ingหรือwould แทน past simple tenseก็ได้ เช่น if the sun was shining, everything would be perfect ถ้าพระอาทิตย์ส่งแสงทุกอย่างจะสมบูรณ์
If –clauseเงื่อนไขที่3 ใช้กับการสมมติที่เป็นไปไม่ได้หรือตรงข้ามกับความเป็นจริง มีโครงสร้างคือ if+ past perfect tense, subject+ would+ haveหรือsubject+ would+ have+ if+ past perfect tense ตัวอย่างประโยค เช่น The man would have died if the ambulance  hadn’t arrive so quickly.ชายคนนั้นตายถ้าแน่นๆรถพยาบาลมาไม่เร็ว
If –clauseเงื่อนไขที่4 เป็นการสมมติในสิ่งที่เป็นสากล universal ที่ว่าสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นแล้วอีกสิ่งก็จะเกิดขึ้นตาม ไม่ใช้ uslessกับการพูดถึงความรู้สึก ซึ่งเป็นผลที่ไม่ได้เกิดขึ้น ใช้เหมือน If –clauseเงื่อนไขที่1และ2 เช่น I don’t mind you using my bike provide (that) you take care of it.
ในประโยคเงื่อนไขshould , were… to และhad ใช้สร้างประโยคเงื่อนไขแทนif โดยที่shouldใช้วางไว้หน้า clause สร้างเงื่อนไขที่1were…to ใช้วางหน้าประโยคเงื่อนไขที่2 had ใช้วางไว้หน้าclause เช่นwere the supplier  to deliver late , the penalty clause would be applied ถ้าลูดค้าไม่จ่ายทันเวลาบทลงโทษจะถูกนำมาใช้
การแปลประโยคif-clause ผู้แปลจะต้องรู้โครงสร้างของประโยคก่อน แล้วต้องแปลโครงสร้างให้ได้จึงจะทำให้สามารถแปลความหมายประโยคได้ถูกต้อง โดยทั่วไปการแปลจะถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ง่ายผู้ผูคนจะมองเห็นคำศัพท์มีความสำคัญกว่าไวยากรณ์ ซึ่งในความจริงแล้วการแปลนั้นไวยากรณ์มีความสำคัญมากกว่า แต่ใช่ว่าคำศัพท์จะไม่สำคัญ
ดังนั้นประโยคif-clause มีความซับซ้อน ที่ใช้แสดงความเป็นเหตุเป็นผลที่คล้อยตามกันจะเป็นจริงหรือไม่เป็นจริงจะขึ้นอยู่กับการเลือกใช้รูปแบบของประโยค และมีวิธีการแปลif-clauseอีกด้วย



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น