วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

SHERLOOK HOME





SHERLOOK HOME 
Sir Arthur Conan Doyle
               เมื่อนึกถึงนักสืบเราจะนึกถึงเชอร์ลอกโฮล์มเป็นคนแรก ตั้งแต่เรื่องแรกของเขาเมื่อร้อยปีที่แล้วจนถึงปัจจุบันเขาคงเป็นนักสืบที่ยิ่งใหญ่ในบรรนดานักสืบทั้งหลาย นักทองเทียวยังคงไปเยี่ยมห้องชุดบนที่บนถนนเบเกอร์ที่ลอนดอน มีภาพยนต์มากมายที่เกี่ยวกับเขา รูปภาพที่แสดงให้เราทราบลักษณะของเขาและการแต่กายของเขาและที่ไม่เคยมีชีวิตแม้กระทั่งปัจจุบันนี้ เรื่องราวของเขาเป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นแต่อะไรที่ทำให้เราจำเขาได้
               เพราะเขาชอบที่จะจับอาชญากร เชอร์ลอกโฮล์มได้จับคนรายเหมือนนายทรานล่าสุนัขจิ้งจอก เขาเหมือนสุนัขดมกลิ่น สนัขตำรวจที่ดมกลิ่นบนพื้นเพื่อตามรอยคนร้ายไปสุดขอบโลก แม้คนร้ายจะหลบซ้อน แต่เมื่อเชอร์โฮล์มเริ่มต้นไล่ล่าเขารู้ว่าจะหยุดมันได้ด้วยการฆ่า

เชือกลายจุด
1
เรื่องจากเฮเลน
               ในเวลาของเรื่องนี้ผมยังคงอยู่กับเพื่อนของผมเชอร์ลอกโฮล์มที่ห้องชุดบนถนนเบเกอร์ในลอนดอน ช่วงเช้าของวันหนึ่งมีหญิงสาวสวมชุดสีดำมาหาพวกเรา เธอดูเหนื่อยและไม่มีความสูข ใบหน้าของเธอดูขาวสีด คุณโฮล์มฉันกลัวตาย” เธอร้อง “กรุณาช่วยฉันด้วยฉันยังม่ถึงสามสิบเลย แต่ดูผมสีเทาสิ ฉันกลัว
               “นั่งลงก่อนแล้วเล่าเรื่องของคุณให้เราฟังสิ” โฮล์มกล่าวอย่างนิ่มนวล
               “ฉันชื่อ เฮเลน สโตนเนอร์” เธอเริ่มกลาว “ฉันอาศัยอยู่กับพ่อเลี้ยง คือ หมอกรินสลีญ์ รอยล็อตใกล้หมู่บ้านเมืองนี่ เขาเป็นคนที่รวยคนหนึ่งแต่เขาม่ได้รวยมาตั่แต่เกิด ดังนั้นเขาไปเรียนหมอและเคยไปอินเดีย เขาเจอแม่ของฉันที่นั้นและแต่งานตอนที่ฉัน พี่จูเลียยังเด็ก พ่อพวกเราเสียชีวิต”
               “แม่ของคุณมีเงินเยอะ” เชอร์โฮล์มถาม
               “ใช้แม่ของฉันมีเงินจำนวนมาก ดังนั้นพ่อเลี้ยงของฉันจึงไม่ลำบากอะไรมากมาย”
               “ช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดเกียวกันเขาด้วยคุณสโตนเบอร์” เชอร์ลอกโฮล์มพูด
               “ได้คะ เขาเป็นคนดุร้าย เขาเคยทะเลาะกับคนรับใช้ชาวอินเดียและฆ่าเขา ทำให้เขาเคยถูกจำคุกที่อิเดียหลังจากนั้นเราทั้หมดก็กลับมาอังกฤษ แม่ของฉันเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเมื่อแปดปีที่แล้ว ดังนั้นพ่อเลียงของฉันก็ได้รับเงินทั้งหมด แต่ถ้าพี่จูเลียหรือฉันแต่งงาน เขาจะต้องจ่ายให้พวกเรา 250 ยูโรต่อปี”
              “และตอนนี้คุณอาศัยอยู่กับเขา” เชอร์ลอ็กโฮล์มกล่าว
               “คะ เขาอยู่ที่บ้านไม่เคยไปพบใคร” เฮเลนตอบ เรายิ่งดุร้ายยิ่งขึ้น บางครั้งเขาทะเลาอย่างรุนแรงกับกับคนจากหมู่บ้าน ตอนนี้ทุกคนกลัวเขา ทุกคนจะคอยหลีกเลี่ยงเขาเวลาเจอกัน และเขายังกลัวสัตว์ป่าที่นำมาจากอินเดียที่พ่อเลียงฉันปล่อยให้อยู่ในบริเวณส่วน มีเพื่อนเขาเอามาให้ ไม่มีเพียงแค่สัตว์ที่หน้ากลัวแต่ยังมีพวกยิปซี่ พ่อเลียงของฉันชอบคนดุร้ายเหล่านั้น พวกเขาสามารถอยู่ตรงไหนก็ไดที่อยากอยู่ พี่จูเลียที่หน้าสงสารและฉันอยู่อย่างไม่มีความสุข พวกเราไม่มีคนรับใช้ พวกเขาลาออกเพราะกลัวพ่อเลียงของฉัน พวกเราต้องทำงานบ้านทั้งหมดเอง พี่จูเลียเสียชีวิตตอนอายุสามสิบและผมเธอเป็นสีเทาเหมือน  #4 ผมของฉันตอนนี้  และเมื่อคืนฉันได้ยินเสียงผิวปากอีกครั้ง ฉันรีบออกบ้านทันที และมาลอนดอนเพื่อที่ขอความช่วยเหลีอจากคุณ ได้โปรดไปช่วยเหลือฉันด้วย คุณโฮล์มฉันไม่อย่ากตายเหมื่อนพี่จูเลีย”
               “เราต้องรีบไป” โฮล์มพูด ถ้าเราไปบ้านคุณวันนี้ เราไปดูห้องนั้นได้ไหม แต่พ่อเลียงของคุณต้องไม่รู้”
               “วันนี้เขาอยู่ในลอนดอน เขาจะไม่พบพวกคุณ โอขอบคุณคุณมาก คุณโฮล์ม ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว”
                                                                                                        
2
โฮล์มและวัตสันเยียมบ้าน
               โฮล์มออกไปนอกบ้านแล้วกลับเขามาในเวลามือเที่ยง แล้วเราที่ไปเมื่อนั้นด้วยรถไฟ แล้วต่อเท็กซี่ไปบ้านคุณหมอรอยลอต “นายรู้ใช้ไหม” โฮล์มพูดกับผม หมอรอยลอตเพื่อนผู้ดุร้ายของพวกเราต้องการเงินของหลอนเพราะเขามีเงินเพียง 750 ยูโรต่อปีจากการตายของภรรยา ฉันพบมันเมื่อเช้านี้ พวกยิปซี่ผิวปากและเส้นเชือก มันยากที่จะเข้าใจแต่ฉันมีคำตอบแล้ว”
               เมื่อเราไปถึงคุณเฮเลนสโตนเนอร์แสดงทั้งสามห้องให้พวกเราดู พวกเราไปห้องเธอเป็นครั้งแรก
               “พวกเขาซ้อมผนังห้องคุณทำไม” โฮล์มถาม “ไม่เห็นมีอะไรชำรุดเลย”
               “ถูกของคุณ” เธอบอก ฉันคิดว่ามันเป็นแผ่นที่จะย้ายไปอยู่ที่ห้องพี่”
               “ใช้ โฮล์มว่าและเราก็เข้าไปในห้องของจูเลีย และโฮล์มก็สังเกตหน้าต่างอย่างตั้งใจ
               “ไม่มีใครสามารถเข้ามาจากข้างนอกได้” เขาพูดแล้วมอไปรอบห้อง “ทำไมเชือกสั่นกระดิ่งจึงตั่งตรงนั่น ตั้งแค่เหนือเตียง”
              “คืนนั้นฉันนอนไม่หลับมีพายุในคืนนั้นทั้งฝนและลมหนักมาก แล้วทันใดนั้นฉันได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้อง เป็นเสียงของพี่ ฉันจึงวิ่งไปที่ทางเดินและก็ได้ยินเสียงผิวปากแล้วก็ได้ยินเสียงโลหะตกกระทบแต่ไม่รู้ว่าเป็นเสียงอะไร ฉันจึงไปถึงประตูหน้าห้องของพี่ เธอเปิดประตูออกมาและล้มลง หน้าเธอสีดและหวาดกลัว แล้เธอร้องว่า “ช่วยด้วย เฮนเลนช่วยพี่ด้วย พี่เจ็บ พี่กำลังจะตาย” ฉันฉํนประคองพี่แล้วพี่ก็ร้องด้วยเสียงที่หวาดกลัว “เฮเลน, พระเจ้า,เฮเลนมันคือเชีอก เชือกลายจุด” เธอเหมือนจะพูดอีกแต่ไม่สามารถพูดได้ ฉันเรียกคุณพ่อ คุณพ่อพยายามจะช่วยเธอ แต่พวกเราไม่สามารถทำอะไรได้เลย และพี่สาวสุดที่รักก็ตาย”
              “คุณแน่ใจนะ ว่าเกียวกับเสียงผิวปากและเสียงของตกพื้น” เชอร์ล็อกโฮล์มถาม
              “แนคิดว่าอย่างนั้น” เฮเลนตอบ “มันกระทันหันมีพายุตอนกลางคืน บางทีอาจผิดพลาดก็ได้ ตำรวจไม่สามารถคาดการตายของพี่ได้ ห้องของพี่ไม่สามารถเข้าได้ และอะไรเกียวกับเชือกลายจุด” บางครั้งพวกยิปซีก็ชอบสวมเชือกลายจุดที่คอของพวกเขา ฉันคิดว่าเธอไม่ได้เสียชีวิตเพราะความกลัว อาจเป็นพวกยิปซี คุณคิดว่าอย่างไรคุณโฮล์ม
              โฮล์มคิดครู่หนึ่ง “ฮืม” แล้วกล่าว “มันเป็นคำถามที่ยาก แต่ว่าแล้วอย่างไรต่อ”
              “มันเป็นเรื่องเมื่อสองปีก่อน” เฮเลนสโตนกล่าว ฉันเหงามากเมื่อไม่มีพี่สาว แต่เมื่อเดือนที่แล้วเพื่อนสนิดของฉันเขาแต่งงาน คุณพ่อเลียงก็ยินยอม และเรากำลังจะแต่งงานเร็วๆนี้ แต่เมื่อสองวันก่อนฉันต้องย้ายไปที่ห้องเก่าของพี่เพราะมีคนมาซ้อมผนังห้องนอนของฉัน
              “เธอเสียชีวิตเมื่อไหร” เชอร์ล็อกโฮล์มถาม
              “เมื่อสองปีก่อนและมันเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันต้องมาที่นี้ พวกเราไม่เคยได้พบใครในเมือง แต่พวกเราได้เคยไปเยี่ยมญาติที่อยู่ในเมืองไกล้ลอนดอนเป็นบางครั้ง เป็นที่พี่จูเลียพบชายหนุมขอเธอแต่งงาน คุณพ่อเลียงก็ยินยอมแต่ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็เสียชีวิต” คุณสโตนเนอร์ยกมือขึ้นมาปิดตาแล้วร้องทุกครั้ง
              คุณเอร์ล็อกโฮล์มที่กำลังหลับตาฟังก็ลืมตาและมองที่คุณเฮเลนสโตนเนอร์
              “ช่วยเล่าทุกอยางเกียวกับการตายของเธอ” เขากล่าว
              “ฉันจำมันได้ดี มันเป็นช่วงที่หน้ากลัว” เธอตอบ ห้องนอนของเราสามห้องอยู่ที่ชั้นล่าง ห้องแรกเป็นห้องของคุณพ่อเลียง ห้องพี่จูเลียอยู่ถัดกับห้องคุณพ่อ และห้องของฉันอยู่ติดกับห้องพี่จูเลีย ทุกๆห้องมีหน้าต่างอยู่ทางส่วนและประตูจะเปิดสู่ทางเดินอยู่ในบ้าน เย็นวันหนึ่งคุณพ่อเลียงสูบซิการ์อินเดียในห้องของเขา ทำให้พี่จูเลียไม่สามารถนอนดมกลิ่นได้ ดังนั้นเธอก็มานั้งพูดคุยที่ห้องของฉันก่อที่เธอจะกลับห้องของเธอ เธอถามฉันว่า “ได้ยินเสียงผิวปากตอนกลางดึกบ้างไหม” มันแปลกมากฉันจึงตอบว่า “ไม่” “มันแปลกมาก”เธอบอก “บางทีฉันได้ยินเสียงผิวปากแต่ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน ทำไมเธอไม่ได้ยิน” ฉันหัวเราะแล้วบอกว่า “ฉันหลับได้ดีกว่าพี่” แล้วพี่จูเลียก็กลับห้อง แล้วฉันก็ล็อกประตู
              “ทำไมคุณพ่อต้องล็อกประตูด้วย” เชอร์ล็อกโฮล์มถาม
              “พวกเขากลัวสัตว์ร้ายและพวกยิปซี” เธอตอบ
              “แล้วอย่างไรต่อ” โฮล์มกล่าว
 กระดิ่งจึงตั้งตรงนั้น ตั้งแค่เหนือเตียง”
              คุณพ่อใสเมื่อสองปีก่อน เพื่อไวเรียกคนรับใช้ แต่พี่จูเลียและฉันม่เคยได้ใช้เพราะไม่มีคนรับใช้ เขายังตั้งช่องระบายอากาศระหว่างห้องเขาและห้องนี้ด้วย”
              โฮล์มลองสั่นเชือก “แต่มันใช้การไม่ได้” เขาพูดขึ้น “มันหน้าสงศัยและมันอยู่บนช่องระบายอากศภายในกำแพง ที่ระบายอากาศควรตั้งไวนอกกำแพง”
              แล้วพวกเราก็เขาไปในห้องคุณหมอเชอร์ล็อกโฮล์มได้พบกล่องเหล็กขนาดใหญ่วางอยู่บนกำแพง
              “คุณหมอเก็บเอกสารไว้ในข้างนี้” เฮเลนบอก
              “เขาใสแมวไว้ข้างในนี้ด้วยหรือเปล่า” โฮล์มถามขึ้น “นี้ไง มีจานจำนวนหนึ่งวางอยู่บนกล่อง เอาละคุณสโตนเนอร์” โฮล์มพูดต่อ “ผมคิดว่าตอนนี้คุณอยู่ในอันตราย “คืนนี้วัสสันเพื่อนผมและผมต้องอยู่ในห้องพี่สาวคุณ คืนนี้ที่คุณนอนตอนนี้”   
              คุณเฮเลนสโตนเนอร์และผมมองเขาอย่างแปลกใจ
              “ใช้พวรเราจำเป้น” เขาออกการ์ดเดิน “เราจะไปอยู่ที่โรงแรมในหมู่บ้าน เมื่อพ่อเลียงของคุณเข้านอนให้คุณเอาตะเกียงไปวางไวที่หน้าต่างห้องพี่สาวของคุณ แล้วคุณก็เข้าไปอยู่ในห้องเก่าของคุณ ผมจะเข้าห้องพี่สาวของคุณทางหน้าต่าง พวกผมจะฟังเสียงผิวปากและเสียงโลหะตกพื้น”
              “พี่สาวของฉันตายอย่างไร คุณโฮล์มคุณรู้ไหม ได้โปรดช่วยบอกฉันที” คุณเฮเลนพูดพว้อมจับแขนคุณเฮล์มไว้
              “ผมต้องค้นพบทั้งหมดก่อนแล้วค่อยบอกคุณ คุณสโตนเนอร์ผมต้องขอตัวก่อน “อย่าไดหวาดกลัวไปเลย “เชอร์ล้อกโฮมได้ตอบเธอ
              พวกเราได้เดินไปยังหมู่บ้านแล้วคุณโฮล์มได้พูดกับผม “คืนนี้หน้าจะอันตรายนะคุณวัตสัน รอยรอตเป็นคนโหดร้าย”
              “แต่ถ้าฉันช่วยได้ฉันจะไปกับนายนะโฮล์ม” ผมบอกโฮล์ม
              “ขอบใจวัตสัน ฉันต้องการให้นายช่วยอยู่แล้ว นายเห็นเชือกสั่นกระดิ่งกับช้องระบายอากาศนั่นไหม ฉันรู้เรื่องช่องระบายอากาศตั้งแต่ก่อนมาแล้ว มันต้องมีรูระหว่างสองห้องที่บอกได้ว่าพี่สาวของเฮเลนได้กลิ่งซิก้าของหมอรอยลอต”
              “โฮล์มที่รัก นายฉลาดอะไรอย่างนี้” ผมร้องขึ้น                    
              “แล้วนายเห็นเตียงนั้นไหม มันถูกทำให้ติดกับพื้น เธอไม่สามารถย้ายมันได้ มันจะต้องตั้งอยู่ใต้เชือกนั้นไกล้กับชัองระบายอากาศ”
              “โฮล์ม” ผมร้องขึ้น “ผมเริ่มจะเข้าใจความหน้ากลัวของคนร้ายแล้ว
              “ใช้ หมอเป้นคนที่ฉลาด และเราสามารถหยุดเขาได้ แนคิดว่านะวัตสัน”
3
              คืนนี้พวกเรากลับไปที่บ้านหลังนั้น เมื่อเราเห็นแสงไฟของคุณสโตนเนอร์ พวกเราเริ่งรุดเข้าไปทางหน้าต่าง แล้วพวกเราก็ร่อคอยอย่างสงบกลางห้องที่มืด พวกเรารอค่อยกว่าสามชั่วโมงโดยไม่ได้ขยับไปไหน ทันใดนั้นพวกเราก็เห็นแสงไฟและเสียงหนึ่งจากห้องคุณหมอรอยรอต แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเราก็รอในความมืดอีกครั้ง แล้วมีเสียงหนึ่งดังขึ้นเป็นเสียงที่เบามาก ทันทีทันใดนั้น โฮล์มก็กระโดดขึ้นแล้วตีเชือกสั่นกระดิ่งอย่างแรง
              “มันหมายความว่าอย่างไร ผมถามเสียงสั่น
              มันจบแล้ว โฮล์มตอบ เราไปดูกัน
              พวกเราไปที่ห้องของคุณหมอรอลรอต กล่องเหล็กนั้นถูกเปิดอยู่  คุณหมอรอยรอตนั้งอยู่บนเก้าอี และตาของเขามองขึ่นไปที่ช่องระบายอากาศ บนหัวของเขามีเชือกสีเหลืองพันอยู่รอบหัวของเขาอย่างประหาลเขาตายไปแล้ว
              เชือกนั้น เชือกลายจุดนั้น โฮล์มพูดเบา เชือกนั้นเคลือนไหวแล้วหันหัวของมันมา ระวังวัตสันมันเป็นงู งูอิเดยและพิษของมันสามารถทำให้ตายได้อย่างรวดเร็ว โฮล์มร้องขึ้น รอยรอตได้ตายคาที่ เราต้องเอางูใสกลับเข้าไปในกล่อง โฮล์มจับงูแล้วโยนเข้าไปในกล่องอย่างระมัดระวัง
              แต่นายรู้ได้อย่างไปเกียวกับงู้นั้นโฮล์มผมถามขึ้น
              ตอนแรกวัตสันฉันคิดว่าเป็นพวกยิปซี แตฉันได้เขาใจแล้ว มันต้องมีบางอย่างที่มันสามารถผ่านทางช่องระบายอากาศได้ ลงทางเชือกสั่นกระดิ่งไปบนเตียง มันมีนมและงูได้ดื่มนม มันง่ายมากที่จะฆ่าหมอด้วยสัตว์จากอินเดีย เพราะเขารู้ว่าเขาเป็นหมอ เขารู้ว่าพิษของงูไม่สามารถตรวจพบได้ในรางกายของผู้ตาย ดังนั้นทุกคืนเขาจะให้งูผ่านม่านช่องระบายอากาศมาแล้วหลายครั้งก่อนที่จะฆ่าจูเลีย แต่ในที่สุดมันได้ฆ่าเธอ เฮเลนก็เช่นกันไกล้ตายเพราะงูนี้
              แต่คืนนี้เมื่อเราตีงูบนเชือกมันจึงโกรธ และกลับไปทางช่องระบายอากาศ และได้ฆ่าคุณหมอ ฉันเสียใจด้วยกับเรื่องที่เกิดขึ้น
              หลังจากเหตุการครั้งนั้นผ่างไปนาน เขาได้แต่งงานกับชายหนุ่ม และได้พยายามลืมเรื่องการตายของพี่สาวและพ่อเลียงแต่เธอไม่ลืมเชือกลายจดนั้นแน่นอน


learning log outside classroom

ยุคสมัยแห่งการพัฒนาทำให้โลกก้าวหน้าอย่างไม่สิ้นสุดมีการแข่งขันสร้างส่งใหม่ขึ้นมาทุกคนจะต้องฝึกฝนตนเองเพื่อมีชีวิตรอดในสังคมและบุคคลที่สำคัญ คือ ครูผู้สอน เนื่องจากโลกมีการพัฒนามากยิ่งขึ้น การติดต่อสื่อสารเป็นภาษาสากลหรือภาษาอังกฤษและปัจจุบันประเทศไทยยังประสบปัญหาการจัดการเรียนการสอน
การสอนภาษาอังกฤษจะต้องมีทักษะ5cคือcommunication มีความสามารถในการสื่อสารculture รู้จักและเข้าใจวํฒนธรรมต่างๆของโลกconnection การเชื่อมโยงกับสาระวชาอื่นๆด้วยcomparisonการรู้จักเปรียบเทียบความเหมือนหรือต่างระหว่างภาษาของโลกและของตนเองและcommonicationการติดต่อสื่อสารในรูปแบบต่าง
การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่21นอกนอกจาก5cเป็นสิ่งที่จำเป็นแล้วยังมีเพิ่มทักษะคือ reading, writingและ writing เรียกได้ว่าคือทักษะชีวิต เพื่อตอบสนองการให้เกิดทักษะการเรียนรู้โดย Bloom’s taxonomy เป็นการเรียนรู้โดยการได้ลงมือคิด ปฏิบัติ และสร้างสรรคร์ผลงานได้ด้วยตัวเอง
            ทักษะในศตวรรษที่21ยังมีทักษะ7cคือการได้ใช้ความคิดอย่างมีวิจารณญาณ มีการแก้ปัญหาเป็น สามารถสร้างสรรค์นวัตถกรรมใหม่ๆได้ สามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างชำนาญ มีความรู้ที่สามารถเชื่อมโยงได้ในทุกๆศาสตร์ เรียนรู้วัฒนธรรมต่างๆของโลกและเข้าใจ และยังสามารถนำความเป็นท้องถิ่นของตนเองมานำเสนอได้
การจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษที่ยังประสบปัญหาได้มีการเสนอแนวทางการแก้ปัญหาคือการจัดสภาพแวดล้อมให้ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้จริงโดยการให้ผู้เรียนไปใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่ใช้แต่ภาษาอังกฤษ ทำให้ผู้เรียนจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษเพื่อความอยู่รอดได้และมีการให้จัดทำผลสรุปที่ได้
จากที่ได้เรียนรู้ว่าการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที21เป็นการจัดการเรียนรู้เป็นแบบbeyond language learningซึ่งทักษะที่สำคัญ7cที่ผู้เรียนจะต้องเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตและต้องมีทักษะชีวิตคือการฟัง พูด อ่าน และเขียน และในการจัดการเรียนรู้จะต้องจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสำหรับการเรียนรู้แต่ละบุคคลอีกด้วย


learning outside classroom

การเรียนรู้นอกห้องเรียนสามารถศึกษาหาความรู้ได้หลายช่องทางซึ่งในปัจจุบันมีความทันสมัยทางด้านเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ของบุคคลทำให้มีสื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย ค้นหาได้ง่ายสะดวกรวดเร็ว แต่ในการศึกษาหาข้อมูลมีหลายช่องทาง แต่ผู้เรียนต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหาและมีความหลากหลายของข้อมูลความรู้อย่างละเอียดและผู้เรียนต้องฝึกทักษะทางภาษาอังกฤษให้ครอบคลุมทั้ง4ทักษะ
ประโยคภาษาไทยมีความแตกต่างกับภาษาอังกฤษแต่มีลักษณะหน่วยความคิดหรือprepositionมากกว่าเมื่อแปลภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ จะต้องเข้าใจอนุภาคแสดงความหลักเช่น นั่น นี่ นะบางครั้งความหลักมีสรรพนามแทนความหลัก อยู่ในประโยคความเสนอ
นามวลีเฉพาะ( definite)คือการอ้างถึงวิ่งที่เฉพาเจาะจงลงไป คืออ้างถึงrefer toสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยการใส่theนำหน้าคำนามและถ้าไม่ชี้เฉพาะจะเติมsome, any, a, หรือไม่ใส่อะไรเลย ถ้าเป็นภาษาไทยจะใช้นี่ นั่นหรือไม่เติมอะไรเลยและต้องเข้าใจอีกประโยคความหลักต่างๆ
นามวลีมักเป็นความหลักของประโยคเป็นส่วนใหญ่เมื่อแปลเป็นภาษาอังกฤษจะต้องนำหน้าคำนามด้วยthe นำหน้า ส่วนนามวลีไม่ชี้เฉพาะสามรถแบ่งย่อยเป็นพหูพจน์เมื่อแปลเป็นภาษาอังกฤษ แบ่งเป็นคำทั้งหมดและคำคลุมทั่วgeneric ที่ไม่เจาะจง non- specific ในกรณีทื่ผู้พูดต้องการสื่อในสิ่งที่เป็นอันรู้กันแต่สิ่งนั้นมีจำนวนมาก และพูดไม่เน้นว่าเป็นชิ้นใด พหูพจน์ไม่เป็นคำคลุมทั่วไปและไม่เจาะจงโดยมากต้องแปลเป็นsome 
นามวลีไม่ชี้เฉพาะมี่แบ่งย่อยเป็นเอกพจน์จะต้องเป็นa+คำนาม คำเอกพจน์ไม่ชี้เฉพาะเป็นนามวลีในหลักภาษาไทยไม่ได้ เช่นแก้วหนึ่งใบฉันทำแตก คำเอกพจน์ไม่ใช้กับอนุภาคกรือคำเอกพจน์ไม่ชี้เฉพาะเป็นความหลักได้ อนุภาคคำหลักมีส่วนทำให้การชี้เฉพาะของภาษาอังกฤษเปลี่ยนไป เอกพจน์ที่ไม่ชี้เฉพาะที่เน้นหรือย้ำเป็นนามวลีในความหลักได้ในกรณีที่เน้นหรือย้ำโดยการเติมสัก+ลักษณะนามและความนำเสนอต้องเป็นปฏิเสธ
การเรียนรู้วัฒนธรรมของเจ้าของภาษาเป็นสำคัญในการแปลภาษาโดยภาษาต่างประเทศ ภาษาอังกฤษสามารถแบ่งออกเป็น2กลุ่มใหญ่ๆคือภาษาอังกฤษแบบสหราชอณาจักร British Englishและภาษาอังกฤษแบบสหรัฐอเมริกา American Englishจากการเลืกรูปแบบการใช้คำเช่นคำว่าfrench fries เป็นการใช้แบบ American Englishแต่สำหรับ British English จะเป็น chipแต่คนอเมริกันจะหมายถึงมันฝรั่งทอดที่เป็นแผ่นยังมีคำศัพท์อีกมากมายที่มีการใช้แตกต่างกัน เช่นlorry/truck, semi, tractor Mad/crazy, insane main road/highway maize/corn maths/math motorbike/motorcycle motorway/freeway, expressway motorway/highway, freeway, expressway, interstate highway, interstate nappy/diaper naughts and crosses/tic-tack-toe
การฝึกหารร้องเพลงมีส่วนช่วยในกสรออกเสียงภาษาอังกฤษ การฝึกร้องเพลงสามารถช่วยในเรื่องการอ่านคำศัพท์ได้ถูกต้อง เช่นอ่านออกเสียง like a จะอ่านว่า/laik ka /เป็นการเชื่อมเสียง สำนวนภาษาอังกฤษ วัฒนธรรมพื้นหลังและยังได้คำศัพท์อีกด้วย ได้ฟังเพลง alphabet rapเป็นการนำคำศัพท์มาร้องตามลำดับa-z เนื้อเพลงคือArtificial amateurs, aren't at all amazing Analytically, I assault, animate things
Broken barriers bounded by the bomb beat Buildings are broken, basically I'm bombarding
Casually create catastrophes, casualties Canceling cats got their canopies collapsing
Detonate a dime of dank daily doing dough Demonstrations, Don Dada on the down low
Eating other editors with each and every energetic Epileptic episode, elevated etiquette
Furious fat fabulous fantastic Flurries of funk felt feeding the fanatics
Gift got great global goods gone glorious Getting godly in his game with the goriest
Hit em high, hella height, historical Hey holocaust hints hear 'em holler at your homeboy
Imitators idolize, I intimidate In an instant, I'll rise in an irate state
Juiced on my jams like jheri curls jocking joints Justly, it's just me, writing my journals
Kindly I'm kindling all kinds of ink on Karate kick type brits in my kingdom
Let me live a long life, lyrically lessons is Learned lame louses just lose to my livery
My mind makes marvelous moves, massesMarvel and move, many mock what I've mastered
Niggas nap knowing I'm nice naturally Knack, never lack, make noise nationally
Operation, opposition, off not optional Out of sight, out of mind, wide beaming opticals
Perfected poem, powerful punch lines Pummeling petty powder puffs in my prime
Quite quaint quotes keep quiet it's Quantum Quarrelers ain't got a quarter of what we got uh
Really raw raps, rising up rapidly Riding the rushing radioactivity
Super scientifical sound search sought Silencing super fire saps that are soft
Tales ten times talented, too tough Take that, challengers, get a tune up
Universal, unique untouched Unadulterated, the raw uncut
Verb vice lord victorious valid Violate vibes that are vain make em vanished
While I'm all well what a wise wordsmith just Weaving up words, weeded up on my work shift
Xerox, my X-radiation holes extra large X-height letters, and xylophone tones
Yellow back, yak mouth, young ones yaws Yesterday's lawn yard sell our yawn
Zig zag zombies, zoom in to the zenith Zero in zen thoughts, overzealous rhyme ZEALOTS!...
ได้คำศัพท์ที่ไม่ไดหมายถึงสิ่งที่ตาตนเห็น
การฝึกการสื่อสารภาษาอังกฤษมีสามกระบวนท่า คือพัฒนาให้เป็นฝรั่งคือหัดฟังและพูดแบบฝรั่งเริามต้นด้วยการฝึกคิดอย่างเป็นฝรั่งคิดคือคิดจากหลังไปหน้าแตกต่างจากภาษาไทยที่คิดจากหน้าไปหลัง เช่น red shirt เสื้อแดง และแดงเสื้อ ฝรั่งคิดตามความรู้สึกและอารมณ์ ของภาษาที่ใช้ในทันทีโดยไม่มีการถอดรหัสหรือพูดอย่างอ้อมค้อม
ได้อ่านวรรณคดีอังกฤษเรื่อง Canterbury talesเป็นเรื่องราวของผู้ที่เดินทางไปแสวงบุญโดยการเดินทางมีกิจกรรมให้ผู้เข้าร่วมการเดินทางทำคือการให้เล่าเรื่องที่สนุกที่สุดผูี่เล่าได้ดีที่สุดจะได้รับรางวัล้รื่องที่ไดอ่านคือเรื่องเล่าของหมอ
เรื่อเล่าของหมอเป็นเรื่องสาวงามผู้โชคร้าย เพราะเป็นที่ต้องการของคนไม่ดี พ่อจึงเลือกที่จะฆ่าลูกสาวเพื่อไม่ให้ลูกสาวประสบความโชคร้าย

ในการศึกษาหาความรูนอกห้องเรียนได้ศึกษาเกี่ยวกับกาแปลจากภาษาไทเป็นภาษาอังกฤษเดี่ยวกับคำนามชี้เฉพาะ ไดเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ภาษาอังกฤที่ใช้แตกต่างกันระหว่าง American Englishและ British English ได้ฝึกร้องเพลงภาษาอังกฤษเกี่วกับคำศัพท์ แลอ่านวรรณกรรมอังกฤษ

learning log outside classroom

การเรียนรู้นอกห้องเรียนเป็นการเรียนรู้ด้วยตนเองมีความสำคัญต่อผู้ที่อยู่ในกระบวนการศึกษา เนื่องจากการเรียนรู้ในห้องเรียนหรือการเรียนรู้โดยครูผู้สอนมีเวลาที่จำกัดและเนื้อหาข้อมูลไม่ละเอียดเพียงพอ ซึ่งผู้เรียนมีความจำเป็นต้องศึกษาหาความรู้จากภายนอกเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเข้าใจของเนื้อหาที่ได้ เรียนแล้วและยังต้องศึกษาหาความรู้หรือข้อมูลอื่นๆและฝึกฝนทักษะให้ครอบคลุมทั้งสี่ทักษะคือ ฟังพูดอ่านและเขียนเรียน
การฝึกฝนเพื่อพูดภาษาอังกฤษได้ดีนั้นบางครั้งต้องละแกรมม่าและคำศัพท์ที่ยากๆไปก่อนแล้วเริ่มต้นที่การออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษให้เป็นในแบบที่ควรจะเป็น สามารถดูตัวอย่างจากชาวต่างชาติที่ฝึกพูดภาษาไทยที่พยายามออกเสียงตามให้มากที่สุด ไม่อายเวลาพูด เมื่อคนไทยฟังก็จะคอยแก้ให้ ซึ่งแตกต่างกับคนไทยที่ไม่มีความกล้า หรือภูมิใจเท่าที่ตนเองมีความสามารถจึงไม่คิดพัฒนาต่อไป การอ่านออกเสียงหลายคนมักออกเสียงผิดหรือเข้าใจผิด ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจว่าภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เสียงที่ออกที่ออกมาจะแปร่งๆแต่ต้องออกเสียงให้ถูกต้องเพื่อการออกเสียงที่ถูกต้อง เช่น label(เล้เบิ้ล)ยังมีคำอีกมากที่อ่านออกเสียงอย่างผิดๆ ควรฝึกกา รออกเสียงๆไปตลอดชีวิต อย่าได้กลัวเพราะเป็นการแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้น
ความรู้รอบตัวเกี่ยวกับสหรัฐอเมริกา แต่เดิมเป็นดินแดนที่ไม่มีผู้ใดรู้จัก เมื่อนักเดินเรือชางอิตาลี คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส(Christopher Columbus)ได้เดินทางมาพบเกาะในหมู่เกาะอินดีสตะวันตก เมื่อ1492 กว่า500ปีมาแล้วคืดว่าเป็นส่วนหนึ่งของทวีปเอเชียจนกระทั่งปี1499 อเมริโก เวสปุชชี(Americo Vespucci) ได้มาสำรวจอีครั้งไดรูว่าจริฃๆแล้วเป็นทวีปไหมจึงตั้งชื่อตามชื่อของตนเองว่า อเมริกา(America)แฃ้วมีชาวยุโรปย้ายมาตั้งถิ่นฐาน สหรัฐอเมริกาเป็ที่คุ้นเคยในสายตาของชาวโลกเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆเช่นในภาพยนตร์ที่ใช้สถานที่ต่างๆเป็นฉากในการแสดง สถานที่ในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ควนรู้จัก ได้แก่ วอชิงตัน ดี ซี(Washington D.Cย่อมาจาก District of Columbia)เป็เขตการปกครองพิเศษของโคลัมเบีย เป็นเมืองหลวงของประเทศอยู่ฝั่งซ้ายของฝั่งแม่น้ำ Potomac river มีสถานที่สำคัญคือธรรมเรียบขาว อนุสาวรีย์วอชิงตัน พิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียน อนุสาวรีย์อับราฮัมลินคอล์น สหรัฐอเมริกายังมีสถานที่ที่น่าสนใจ คือนครนิวยอร์กเป็นเมืองที่มีประชากรมาก เผ็นดมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ารเงินวัฒนธรรม เป็นที่ตั้งของสำนักงานสหประชาชาติ เกาะลิเบอตีที่ตั้งเทพีเสรีภาพ สะพานโกลเด้นเกตเป็นสะพานทอดยาวข้ามอ่าวตอนเหนือของซานฟรานซิสโก แกรนแคนยอนเป็หุบเหวจากการกัดเซาะของแม่น้ำโคโรลาโด น้ำตกไนแองการาอยู่ระหว่างพรมแดนกับแคนาดา
การฝึกภาษาอังกฤษโดยการตั้งกฎกับเพื่อนให้สนทนาผ่านสังคมออนไลน์เป็นภาษาอังกฤษแต่เนื่องจากยังไม่ชำนาญในการใช้ภาษา จึงใช้การเรียบเรียงคำเหมือนไวยากรณ์ภาษาไทย จะไม่ถูกต้องตามไวยากรณ์ภาษาอังกฤษแต่จะได้ในเรื่องของคำศัพท์และความคุ้นเคยต่อการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาการใช้ให้ถูกต้องมาดยิ่งขึ้น
การฟังเพลงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการฝึกภาษาอังกฤษ ได้ฟังเพลง Born this wayโดยศิลปิน Lady Gagaเนื้อเพลงคือIt doesn't matter if you love him or capital H-I-M Just put your paws up'Cause you were born this way, babyMy mama told me when I was youngWe are all born superstars She rolled my hair and put my lipstick on In the glass of her boudoir There's nothin' wrong with lovin' who you are She said, 'cause He made you perfect, babe So hold your head up,girl and you'll go farListen to me when I say I'm beautiful in my way' Cause God makes no mistakes I'm on the right track, babyI was born this way Don't hide yourself in regret Just love yourself and you're set I'm on the right track, babyI was born this way, born this way Ooh, there ain't no other way, baby, I was born this way Baby, I was born this way Ooh, there ain't no other way, baby, I was born this way I'm on the right track, baby, I was born this way Don't be a drag, just be a queen Don't be a drag, just be a queen Don't be a drag, just be a queenDon't be Give yourself prudence and love your friends Subway kid, rejoice of truth In the religion of the insecure I must be myself, respect my youth Don't hide yourself in regret, Just love yourself and you're set I'm on the right track, baby I was born this way Don't be drag, just be a queen Whether you're broke or evergreen You're black, white, beige, chola descent You're Lebanese, you're orient Whether life's disabilities Left you outcast, bullied or teased Rejoice and love yourself today 'Cause baby, you were born this way No matter gay, straight or bi Lesbian, transgendered life I'm on the right track, baby I was born to survive No matter black, white or beige Chola or orient made I'm on the right track, baby I was born to be brave I'm beautiful in my way 'Cause God makes no mistakes I'm on the right track, baby I was born this way Don't hide yourself in regret, Just love yourself and you're set I'm on the right track, baby I was born this way
ปัญหาของคนไทยในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารคือการวิตกกังวลกลัวสำเนียงไม่เหมือนเจ้าของภาษาเกิดการเกร็งหรือกลัว บางครั้งอาจหลีกหนี ดังนั้นคนไทยที่ใช้ภาษาอังกฤษจะต้องดำรงตนเป็นไทยแต่ใจเป็นฝรั่ง ใจเป็นฝรั่งหมายถึงกระบวนการคิดสร้างและผูกประโยค กระบวนการถ่ายทอดและโยงเรื่องราว สีหน้าท่าทางรวมเป็นสิ่งเดียวกัน เช่นคำบางคำแสดงเพียงท่าทางก็เข้าใจ สามารถเลือกรูปแบบการพูดที่หลากหลายตาม อารมณ์ความรู้สึกจริงๆ เลิกการท่องจำหรือยึดตามแผนกระบวนการแบบเดิมๆแล้วหันมาพูดคิดว่าใครวามรู้สึกอย่างฝรั่ง การใส่ความรู้สึกในการพูดเป็นเรื่องยากสำหรับคนไทย คนไทยมีความสามารถในการเลียนแบบเพราะภาษาไทยมีทำนองการผันวรรณยุกต์ มีความได้เปรียบในเรื่องลิ้น มีเสียงร.เสียงล. ให้หัดกระดกลิ้นสนองต่อการออกเสียงLและR แต่ปัญหาคือการมั่นใจ ต้องท่องไว้เสมอว่า I can do it ไม่จำเป็นต้องลอกเลียนให้เหมือนเจ้าของภาษาร้อยเปอร์เซนเพราะมีการใช้ภาษาผสมกับสำเนียงพื้นที่ในโลก

จากการศึกษานอกห้องเรียนได้ศึกษาการอ่านออกเสียงที่บางคนคิดว่าออกเสียงได้ถูกต้อง แต่ความจริงแล้วเรายังต้องเปิดใจศึกษาเพิ่มเติมให้ถูกต้อง ได้เรียนรู้เกี่ยวกับข้อมูลพื้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ฝึกการอ่านและการฟัง แปลความหมายโดยรวมจากเพลงได้รู้เกี่ยวกับการสื่อสารที่ใช้ใจอย่างเจ้าของภาษา

learning log outside classroom

ภาษาไทยส่วนใหญ่เป็นภาษาหลักมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างจากภาษาที่ส่วนใหญ่เป็นภาคประธาน ภาคแสดง(subject-predicate)เช่นภาษาอังกฤษ ประโยคในภาษาไทยไม่เหมือนภาษาอังกฤษเพราะภาษาไทยไม่มีขอบเขตประโยคที่แน่นอนในประโยคไม่มีประธานและกริยาทีแสดงความสัมพันธ์กับปรธานไม่มีจุดที่แสดงให้เห็นขอบเขตประโยตบอกเล่าในภาษาอังกฤษแต่มีลักษณะความคิดว่าต้องเข้าใจลักษณะภาษาไทย ซึ่งการเข้าใจลักษณะภาษาไทยทำให้การคิดแปลเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง
ประโยคไทยไม่ตรงกับsentenceแต่มีลักษณะเป็นหน่วยความคิดหรือprepositionเมื่อแปลภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ ผู้แปลต้องเข้าใจโครงสร้างภาษาไทยเป็นสิ่งแรก คือความที่ละไว้ในฐานที่เข้าใจโดยเฉพาะประธานของประโยค เพราะเป็นการเข้าใจระหว่างผู้รับ-ส่งสาร เช่นถามว่าไปไหนแล้วตอบว่าไปตลาด เมื่อเป็นประธานจะต้องมีการเพิ่ง you และแม้กรรมและบุพบทยังมีการละในประโยคซึ่งต้องตรวจสอบให้ดี แล้วดูกริยาต้องหากริยาแท้ให้สัมพันธ์กับประธาน
ความที่ละไว้ในฐานที่เข้าใจเช่น เมื่อขนมอยู่หน้า คนถามจะถามว่าชอบไหม  ผู้ที่จะแปลต้องเข้าใจการละ เป็นขั้นแรกของการแปล ประธานคือ เธอ และกรรมคือขนม  ต้องคำนึงกริยาสัมพันธ์กับประธาน มีการเดาจากบริบท อาจใช้คำที่เป็นคำกลางๆไม่ชี้เจาะจงว่าเป็นใคร เช่นภาคกลางปลูกข้าวไว้เยอะ แปลได้คือ In the central part, people grow a lot of rice.ในประโยคภาคกลางไม่ใช่ประธานเพราะปลูกเองไม่ได้
การเข้าใจภาษาใบบทบาทของความหลัก(topic)ในประโยคภาษาไทยในเรื่องcase relationในภาษาอังกฤษ โดยFill more ได้เสนอวิธีคิดจำแนกองค์ประกอบในประโยคเกี่ยวบทบาท Clark and Clark ได้อธิบายนามวลีในประโยคมี case role หรือ case relationคือมีบทบาทและความสัมพันธ์กับกริยาต่างกัน Fill more จำแนกลักษณะcase relationคือบทบาทกริยาต่างกัน แบ่งเป็น6จำพวกใหญ่ๆ คือผู้กระทำกริยา active ต่อมาคือผู้ประสบเหตุ(experiencer case)
การเข้าใจภาษาใบบทบาทของความหลัก(topic)ในประโยคภาษาไทยในเรื่องcase relationในภาษาอังกฤษ โดยFill more จำพวกวัตถุประสงค์(goal case)เป็นจุดหมายปลายทางของกริยา เช่น John built a house คำว่าhouse เป็นจุดประสงค์ในการสร้างของJohn  ต่อมาคือlocationสถานที่ของกริยาที่เกิดขึ้น และอย่างสุดท้ายคือ สิ่งที่ได้รับการกนะทำ(objective case)เป็นผู้รับการกระทำของกริยา
Case relationในภาษาไทยความสัมพันธ์นามวลีกับกริยาวลี case relationในหน่วยประโยคใช้อธิบายลักษณะทางภาษาได้ดีเพราะในภาษาไทยเป็นลักษณะเชิงความหมายsemanticความสัมพันธ์ทางไวยากรณ์ขององค์ประกอบsyntaxอธิบายได้ไม่ดีเท่าการอธิบายไวยากรณ์ ภาษาไทยมีโครงสร้างอย่างง่าย2ประการ คือ ประธาน นามวลี กริยาวลี
การแปลประโยคภาษาไทเป็นภาษาอังกฤษ มีแบบฝึกหัดให้หาประธานของประโยคเหล่านี้และให้ฝึกแปล1.แพ้งๆแพงใครจะไปซื้อลง มีประธานคือ it ข้าพเจ้าแปประโยคนี้ว่า it is very expensive , who would like to buy it? ประโยคต่อมาคือ สวยจังเลยเนอะอยากสวยเหมือนเขาบ้าง ประธานคือhe หรือ she แปลประโยคได้ว่า she is beautiful, I want to be like her.และประโยค เป็นอะไรปวดท้องหรือ ประธานคือyou แปลความหมายประโยคว่า What happen, are you stomas ache? ซึ่งประโยคยังต้องมีการตรวจโดยผู้รู้อีกครั้ง



learning log outside classroom

การใช้สำนวนต่างๆในภาษาอังกฤษทำให้ผลงานเขียนมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ผู้ใช้จะต้องศึกษาโครงสร้างรูปแบบการใช้งานต่างๆเพื่อความถูกต้องในการสร้างงานเขียนซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึงการใช้ could, do, และwith
Could เป็นกริยาช่วยที่มีหลักการใช้2อย่างคือ 1.บอกความสามารถในอดีต เช่น When I was teen, I could run 10 kilometres.สมัยวัยรุ่นผมสามารถวิ่งได้10กิโลเมตร(แสดงให้เห็นว่าตอนนี้ไม่ใช่วัยรุ่นแบะวิ่งไกลเช่นนั้นไม่ได้อีแล้ว)และอย่างที่2คือให้ขอร้องอย่างสุภาพซึ่งความหมายไม่มีความเกี่ยวข้องกับกาล เช่น Excuse me, could I light up here? ขอโทษนะครับผมขอสูบบุหรี่ที่นี่ได้ไหม ส่วนdoมีความหมายคือ ทำ เช่น do business (ทำธุรกิจ) do wrong (ทำความผิด)แต่บางครั้งก็ไม่ต้องแปลว่า ทำ เช่น do training(ฝึกอบรม)do painting(ทาสี) และ with คำบุพบทที่แปลว่าด้วย
Could do withเมื่อนำสามคำนี้มารวมจะไม่ได้หมาถึง สามารถทำด้วย และไม่สามารแปลว่าอะไรทั้งนั้น เพราะต้องดูบริบท จากประโยค It’s really hot. Could do with a nice cool drink.อากาศร้อนจริงๆผมCould do withอะไรเย็นๆสักแก้ว เราสามารถเดาความหมายได้ว่า ต้องการ โดยสำนวนนี้จะใช้ กับกริยาcouldเท่านั้น โดยจะใช้คำอื่นหมายถึงสามารถได้ เช่นcan
Could do withในสำนวนที่ผ่สนมาหมายถึงปัจจุบันกาลเท่านั้นแต่ถ้าเป็นอดีตจะต้องใช้ในรูปwantซึ่งหมายถึงต้องการ จะเป็นwanted เช่น yesterday was really hot. I wanted a cool drinkเมื่อวานนี้ร้อนจริงๆฉันอยากได้อะไรเย็นๆสักแก้ว
อุปสรรคที่เป็นปัญหาที่ทำให้การพูดภาษาอังกฤษล้มเหลวสิ่งนั้นมี5ประการคือ เพ่งทุกคำโดยคิดว่าต้องแปลทุกตัว ต้องจำขึ้นใจ เว้นคำไหนไม่ได้แปลเท่าไหร่ก็ไม่ได้สักที จำทุกตอนหรือบันทึกทุกคำศัพท์จับทุกประโยคท่องจำอย่างเดียวไม่สามารถตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติได้ เน้นไวยากรณ์ไปทุกเรื่อง กลัวใช้ผิดกาลผิดfunction ต้องเปลี่ยนรูปของกริยาทำให้พูดไม่ทันใจ ไม่เข้าใจในสำเนียงของภาษา ซึ่งผู้ใช้ภาษาเก็บเสียงไว้ที่ลำคอ อาจพูดได้ว่าสำเนียงส่อภาษาต่อให้เข้าใจแต่ก็ไม่สามารถทำได้และสิ่งสุดท้ายคือการเปิดแต่พจนานุกรมเพราะไม่รู้คำศัพท์ ไม่ใช้การtrick หรือการเดา
สิ่งที่สามารถทำให้เราแก้ปัญหาการพูดภาษาอังกฤษล้มเหลวคือpractice guessing skill in English เป็นการต่อจิ๊กซอว์ภาพและการฟัง การฝึกเดาให้เป็นเสียก่อน เมื่อฝึกเดาทำให้การใช้ภาษาอังกฤษล้มเหลวไปได้ แต่การเปิดพจนานุกรมไม่ใช่เป็นข้อเสียแต่ควรมีการเดาความหมายก่อนที่จะเปิดดูความหมาย จะใช้พจนานุกรมเพื่อการพูดออกเสียง สามารถพกพาได้สะดวก มีอภิธานศัพท์บอกหน้าที่ครบถ้วน เช่น นาม กริยา กรรม บุพบท กริยาวิเศษณ์ และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการเรียนรู้การสร้างประโยคด้วย

ดังนั้นการใช้สำนวนต่างๆเพื่อในการเขียนมีการพลิกแพลงมากขึ้น เช่นประโยค cold do withแต่ไม่ได้แปลอย่างที่มองเห็นเสมอไป และอุปสรรค์ในการพูดภาษาอังกฤษคือการไม่เปิดใจหรือเรียนรู้อย่างผิดๆ