วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Learning log inside classroom

Tense



การศึกษาภาษาอังกฤษมีความสำคัญมากเพราะมีความสำคัญต่อการสื่อสารในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ แต่การเรียนภาษาอังกฤษ แต่การเรียนภาษาอังกฤษสำหรับคนไทยเป็นเรื่องไม่ง่ายเนื่องจากความแตกต่างของโครงสร้างในการเรียบเรียงประโยคในภาษาไทยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรูปประโยคตามกาล บุรุษของประธาน เอกพจน์หรือพหูพจน์ เหมือนในภาษาอังกฤษโดยเฉพาะเรื่องของTenseหรือกาล
Tenseหมายถึงกาล ที่ทำให้รู้ว่าเหตุการณ์ที่กล่าวอยู่นั้นเกิดขึ้นเมื่อใด ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดในภาษาอังกฤษ ถ้าเราใช้ผิดtense อาจทำให้เกิดการเข้าใจผิดหรือตีความหมายอาจผิดพลาดกันได้ ซึ่ง tense แบ่งตามกาลเวลาเป็น ปัจจุบัน(present)อดีต(past)และอนาคต(future)นอกจากนี้ tense ยังแบ่งตามลักษณะของการเกิดเหตุอีกด้วย โดยแบ่งออกเป็น4กลุ่ม คือ simple tense ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วไป ข้อมูล ข้อเท็จจริง continuous tense ใช้กับการพูดถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดในช่วงเวลา perfect tense ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดในช่วงเวลา เช่น ในปี2005ถึง2011 จากเมื่อคืนถึงตอนนี้  perfect continuous tense ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและดำเนินอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งส่วนประกอบของโครงสร้างประโยคที่บ่งบอกความแตกต่างของtenseส่วนหนึ่งคือ verb และกริยาช่วย(helping verb) ซึ่งverbมีการเปลี่ยนรูปตามลักษณะโครงสร้างของแต่ละtenseซึ่งการเปลี่ยนรูปของverb โดยการเติม-s,-es,-ing หรือ verbช่อง2ช่อง3 ที่เปลี่ยนรูปไปจากเดิม เช่น buy-bough,light-lit เป็นต้น และกริยายังเปลี่ยนตามบุรุษของประธานซึ่งมีวิธีการน่าสนใจ
เทคนิคการจำสูตรโครงสร้างประโยคแต่ละtense ซึ่งส่วนประกอบโครงสร้างtenseที่แตกต่างคือverb ที่บางครั้งใช้คู่กับhelping verb ต่างๆซึ่งtense จะแบ่งออกตามช่วงเวลาคือ กริยาปกติverb1(infinitive verb)ส่วนpast tense จะใช้กริยาช่องที่2 past simple เช่น eat-ate และ future tense จะใช้helping verb คือ will, shall กับกริยาช่องที่1 และtense แบ่งตามลักษณะการเกิดเหตุการณ์ คือ simple tenseมีโครงสร้างอย่างง่าย คือ ประธานกับกริยาตามชนิดของกาล continuous tenseจะมีประธานและverb to beกับกริยาเติม-ing perfect tense  จะมีประธานและverb to haveกับกริยาช่องที่3 และสุดท้าย perfect continuous tenseจะมีประธานและกริยาที่เติม-ing ซึ่งนอกจากนี้ในโครงสร้างในประโยคในแต่ละtenseยังมีคำกริยาวิเศษณ์(adverb)เป็นส่วนประกอบเพื่อแสดงความถี่ของเหตุการณ์หรือเวลาที่เกิดของเหตุการณ์นั้นๆนองจากนี้แต่ละtenseยังมีเงื่อนไขการเกิดหรือช่วงเวลาที่เกิดอีกด้วย
Present simple tenseใช้กับเหตการณ์ที่เป็นปกติเช่นกฎเกณฑ์ธรรมชาติ วิทยาศาสตร์ กฎหมาย ใช้บอกหรือพูดถึงข้อเท็จจริงทั่วไป ใช้กับการกระทำที่เป็นกิจวัตรประจำวันทำจนเป็นนิสัย เช่นทำทุกวัน ทุกสัปดาห์หรือทุกช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งจะมีการแสดงความถี่คือ every day, on Monday, once a week, twice a weekเป็นต้น ใช้กับกริยาแสดงความรู้สึก การรับรู้ผ่านประสาทสัมผัส ความคิด สภาพจิตใจ การแสดงความเป็นเจ้าของ เช่น test, like, ownเป็นต้น ซึ่งpresent simple tenseมีโครงสร้างประโยคอย่างง่ายคือ ประธาน+กริยาช่องที่1(s+v1)ถ้าประธษนเป็นhe, she, itหรือคำนามเอกพจน์จะต้องเติม-sหรือ-esที่ท้ายกริยา ถ้าจะทำเป็นประโยคปฏิเสธหรือคำถามจะใช้do, doesเพื่อทำหน้าที่เป็นกริยาช่วย
Present continuous tenseใช้บอกเหตุการณ์ที่กำลังกระทำอยู่ กำลังเกิดขึ้นหรือดำเนินอยู่ในขณะนั้นในขณะที่พูดอยู่จะมีกลุ่มคำที่อยู่ร่วมอยู่ด้วยเพื่อย้ำความเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ ขณะนี้now, at the moment, these day, ขณะนี้at the present time นอกจากนี้present continuous tense ใช้กับเหตุการณ์ที่ต้องการเน้นว่าอยู่ในช่วงนี้ ในระยะนี้ เช่น ปีนี้ เทอมนี้ เป็นต้น แม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะไม่ได้กำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูดอยู่ก็ตามอยู่ในระยะนี้กำลังทำกิจกรรมนั้นๆอยู่ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือการเรียนและการทำงานเป็นสิ่งที่ทำอยู่เกือบทุกวันเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงปัจจุบัน โดยใช้กลุ่มคำคือ this term, this holidayเป็นต้นซึ่งโครงสร้างของpresent continuous tenseคือประธาน+is/am/are+ verb-ingจะเพิ่มnotหลังกริยาช่วยในประโยคปฏิเสธis notและare notสามารถย่อเป็นisn’tหรือaren’tแต่ไม่มีamn’tแต่เป็นI’m not
Present perfect tenseใช้เมื่อต้องการจะบอกรือถามว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้เคยทำหรือไม่เคยทำอะไรบ้าง ไม่ว่าเคยทำครั้งเดียวหรือทำซ้ำๆกันหลายๆครั้งจะมีกลุ่มคำที่ใช้เสริมคือever, never, once, many timeเป็นต้นใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตและเพิ่งจบลงไปหรือเพิ่งทำเสร็จไปจะมีการใช้กลุ่มคำที่ใช้เน้นหรือย้ำถึงเหตุการณ์เพิ่งจะจบลงไปเช่น just, yet, finallyเป็นต้น ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตดำเนินเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันและคาดว่าจะต่อเนื่องไปถึงอนาคต จะมีกลุ่มคำบอกระยะเวลาหรือจุดกำเนิดเริ่มต้นของเวลาที่สำคัญอยู่2คำคือ sinceและfor+ช่วงเวลาและยังมีความแตกต่างกันคือsince+จุดเริ่มต้นของเวลา, since=past simple tenseและfor+ช่วงเวลา และยังมีคำอื่นๆเช่น so far, ever since, up to nowเป็นต้น ซึ่งpresent perfect tenseมีโครงสร้างคือประธาน+has/have+กริยาช่องที่3(s+v.hav+v3)
Present perfect continuous tenseคือเหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่งไม่เน้นว่าเหตุการณ์ต้องดำเนินอย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน เน้นซึ่งการดำเนินมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันใช้แสดงเหตุการณ์ที่เริ่มต้นหรือเกิดขึ้นในอดีตดำเนินต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และเหตุการณ์นั้นก็ยังคงเกิดขึ้นในขณะที่พูด กริยาที่แสดงความต่อเนื่องหรือแสดงกิจกรรมที่เรียกว่าaction verb เช่น sit, play, readเป็นต้น กริยาที่ใช้กับpresent perfect continuous tense ที่ใช้have/has+been+กริยาเติม-ing(s+v.have+been+v-ing)
Past simple tenseจะมีคำบอกช่วงเวลาในอดีต เช่น formerly, three years ago, just now, in+ค.ศ., when+ประโยคแสดงอดีตหรือที่เคยทำ เป็นต้นใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแต่ปัจจุบันไม่ได้ทำอีแล้ว เช่น กิจวัตรประจำวันในอดีตหรือเคยทำ เป็นต้นใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดในอดีต ไม่ต่เนื่องถึงปัจจุบัน เช่นการเล่าถึงเรื่องเก่าๆ ประวัติเก่าๆในอดีต ในกรณีนี้มี2ประโยคขึ้นไปนำมมาใช้รวมกัน หากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตที่จบลงในอดีตแล้วโดยมีคำเชื่อมคือ but, because, so, andโดยประโยคpast simple tense สนใจเวลาเริ่มต้นของเวลาหรือเวลาที่เกิดขึ้นของเหตุการณ์โดยโครงสร้างของประโยคของpast simple tenseคือประธาน+กริยาช่องที่2(s+v2)และเมื่อทำเป็นประโยคปฏิเสธหรือคำถามกริยาช่องที่/จะเปลี่ยนเป็นช่องที่1และใช้didมาช่วยในกรณีที่เป็นwas/were ไม่ต้องใช้didช่วย
Past continuous tenseใช้แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในอดีตจะมีช่วงเวลาตัวเลขของเวลาหรือโมงยามกำกับไว้ในประโยค เช่น about three yesterday afternoon, all afternoonเป็นต้น ใช้กับกรณีที่มีเหตุการณ์2เหตุการณ์เกิดขึ้นซ้อนในอดีตโดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเป็นเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ใช้past continuous tenseสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีหลังมาแทรกหรือมาขัดจังหวะใช้past simple tenseใช้เมื่อกล่าวถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นพร้อมๆกัน2เหตุการณ์ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในอดีตจะใช้past continuous tenseเพียงเปลี่ยนจากis, am, areเป็นช่องที่2คือwas, were
Past perfect tenseใช้ในกรณีที่ต้องการจะสื่อว่า2เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระยะเวลาหนึ่งในอดีตใช้past perfect tenseส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีหลังซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงในทันทีใช้past simple tenseจะมีคำเชื่อมระหว่าง2ประโยคwhen, and, then, before, after, by the timeเป็นต้นใช้ความรู้สึกปรารถนากับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตโดยใช้ประโยคpast perfect tenseต่อหลังคำว่าwishความต้องการหรือปรารถนาpast perfect tenseมีโครงสร้างคือ ประธาน+had+กริยาชิองที่3(s+had+v3)และสามารถใช้โครงสร้างประโยคif clauseเพื่อพูดในเชิงสมมุติเหตุการณ์ที่ตรงกันข้ามกับความจริงในอดีตโดยโครงสร้างประโยคคือ if past perfect tense, ประธาน+would have +v3
Past perfect continuous tenseใช้ในเหตุการณ์ที่ต้องการสื่อว่ามี2เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหนึ่งในอดีตใช้past perfect continuous tenseโดยอาจมีระยะเวลามากำกับให้ชัดเจน เหตุการณ์กำลังเกิดขึ้นนานแค่ไหนในอดีตส่วนเหตุการณ์ที่เกดขึ้นทีหลังซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงทันทีใช้past simple tenseความแตกต่างระหว่างpast perfect tenseกับpast perfect continuous tenseคือpast perfect continuous tenseเน้นเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเท่าไหร่แล้ว ก่อนที่จะมีอีกเหตุการณ์เกิดตามมาในอดีต โดยpast perfect continuous tenseมีโครงสร้างคือ ประธาน+had+been+กริยา-ing(s+had+been+v-ing)
Future simple tenseจะมีคำบอกเวลาในอนาคต เช่น in a few minute, next week, soonเป็นต้น ใช้แสดงเหตุการณ์ในอนาคตที่เกิดขึ้นโดยเป็นไปตามธรรมชาติ เช่น วัน เดือน ปีและอายุ ใช้คาดเดาเหตุการณ์เรื่งในอนาคตและคาดเดาความรู้สึกนึกคิดที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเป็นการคาดเดาโดยใช้ความรู้สึกของตัวเองเหตุการณ์หรือเรื่องนั้นๆอาจเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้จะใช้ร่วมกับกริยาlove, agree, ownเป็นต้น ใช้แสดงความตั้งใจความคิดอยากทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ การรับอาสา การเสนอให้ความช่วยเหลือ การให้สัญญาหรือการขอร้องคนอื่น future simple tenseมีโครงสร้างคือประธาน+will/shall+กริยาช่องที่1(s+will+shall+v1)ซึ่งใช้shallกับประโคยความคิดเห็นหรือขอคำแนะนำหรือยืนยันความคิดเห็นการตัดสินใจต้องการการย้ำที่หนังแน่นกว่าwill นอกจากนี้future simple tenseยังมีอีกโครงสร้างคือ ประธาน+is, am, are+going to+กริยาช่องที่1(s+v.be+going to+v1)ใช้พูดถึงแผนการที่วางไว้หรือตั้งใจไว้ทำในอนาคตโดยมีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่าwill แต่มีเหตุการณ์ที่ไม่สามารถใช้future simple tenseคือ กำหนดการในอนาคตหรือตารางเวลาจะใช้present simple tenseใช้คู่กับกริยาcome, begin, leaveเป็นต้นและแผนการของเราที่แน่นอนชัดเจนจะใช้present continuous tense
Future continuous tenseใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคตโดยมีช่วงเวลากำกับไว้อย่างชัดเจนหรือใช้ระหว่างเหตุการณ์หนึ่งดำเนินในอนาคตมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นระหว่างนั้น เช่น เช้าพรุ่งนี้ขณะที่ฉันกำลังหลับแม่คงไปตลาด เหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่ในอนาคตจะใช้future continuous tenseส่วนอีกเหตุการณ์ที่เกิดทีหลังใช้present simple tense เวลาที่กำกับชัดเจน เช่น at 6o’clock tomorrow, at this time next week, at 9 o’clock the day after tomorrowเป็นต้น ซึ่งโครงสร้างfuture continuous tense คือ ประธาน+will+be+กริยา-ing(s+will+be+v-ing)
Future perfect tenseเป็นเหตุการณ์ที่ดำเนินจากจุดหนึ่งหรือเวลาหนึ่งต่อเนื่องไปยังอีกเวลาหนึ่งและอาจจบลงแต่ที่เน้นที่สุดคือ ความต่อเนื่องของเหตุการณ์ซึ่งfuture perfect tenseใช้แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเหตุการณ์จะดำเนินจนไปถึงเวลาที่กำหนดไว้แล้งเหตุการณ์นั้นก็จะสิ้นสุดลง เช่น เราบอกว่าเราจะย้ายไปเชียงใหม่จนถึงสิ้นปีนั้นหมายถึงเราจะต้องย้ายไปเชียงใหม่จนถึงสิ้นสุดการอยู่ที่เชียงใหม่ของเราโดยเน้นจุดสิ้นสุดของเหตุการณ์ที่ดำเนินมาช่วงเวลาหนึ่งว่าสิ้นสุดในอนาคตโดยมีกลุ่มคำมากำกับประโยคby lunch time, by the day after tomorrow, by next month, by the beginning of the next yearซึ่งfuture perfect tenseมีโครงสร้างคือ ประธาน+will+have+กริยาช่องที่3(s+will+have+v3)อาจจะใช้ประโยคpresent simple tenseเข้ามาเป็นตัวกำหนดเวลาสิ้นสุดของเหตุการณ์ได้ด้วยโดยBy the time, when, beforeเชื่อมประโยคpresent simple tense
Future perfect continuous tenseแสคงเหตุการณ์ที่ใกล้เคียงกับfuture perfect tenseมากโดยใช้กับเหตุการณ์ที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดหนึ่งในอนาคตแต่จะไปเน้นว่าเหตุการณ์ดำเนินต่อเนื่องและเมื่อถึงจุนั้นในอนาคตเหตุการณ์ก็ยังเกิดขึ้นอยู่future perfect continuousจะเป็นการเน้นความต่อเนื่องของเวลาเน้นช่วงที่เหตุการณ์กำลังดำเนินอยู่ว่าดำเนินมานานเท่าไหร่แล้วโดยโครงสร้างเป็นการรวมระหว่างfuture perfect tense (s+will+have+v3)และfuture continuous tense (s+will+be+v-ing)ทำให้โครงสร้างของfuture perfect continuous tenseคือ ประธาน+wil+have+been+กริยาเติมing(s+will+have+been+v-ing)

จะเห็นได้ว่าtenseมีความสำคัญมากในภาษาอังกฤษเพื่อใช้บอกเหตุการณ์ต่างๆซึ่งtenseจะแบ่งออกตามช่วงเวลาคือpresent tense, past tenseและfuture tenseและแบ่งออกตามลักษณะการเกิดเหตุการณ์คือ simple tense, continuous tense, perfect tenseและperfect continuous tenseซึ่งมีการเปลี่ยนลักษณะของกริยาเช่นเติม-s,-es,-ed,-ingเป็นต้น มีกริยาช่วยต่างๆ verb to be, verb to do, เป็นต้น ซึ่งในแต่ละtenseมีเงื่อนไขต่างเพื่อกำหนดว่าประโยคว่าคือลักษณะใดและยังมีกลุ่มคำเพื่อช่วยบอกลักษณะtenseเพี่อให้tenseมีความชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ้งอาจจะมีความซับซ้อนที่จะต้องทบทวนจดจำเพื่อสามารถแสดงออกได้โดยธรรมชาติเพราะหากใช้ผิดtenseอาจทำให้เกิดการเข้าใจผิดได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น